วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2551

เลี้ยงรุ่นอนุบาล

12 มกราคม 2551 เป็นวันเด็กแห่งชาติ แต่วันนี้ไม่ได้จะมาบ่นอะไรเรื่องวันเด็กแห่งชาติหรอกนะ แต่เป็นวันเลี้ยงรุ่นของเพื่อนสมัยอนุบาลจนถึง ม.6 เหอะๆๆ นานไหม?? เพื่อนกลุ่มนี้เรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาล จนถึง ม. 6 บางปีก็อยู่ห้องเดียวกัน บางปีก็ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน จำได้ว่าตอน ป. 6 ครูประจำชั้นชื่อครูสิริกาญจน์ จำนามสกุลไม่ได้ ส่วนไอ้ชุอยู่ห้อง 5 ห้องครูวิไล ตอนนั้นไม่ค่อยจะถูกกัน เพราะเด็กห้อง 4 กะ ห้อง 5 มันเรียนแข่งกันอยู่ ต่อมาพอมาสอบที่โรงเรียนศรียานุสรณ์ เพื่อเรียนในชั้น ม. 1 ก็มาอยู่ห้องเดียวกัน ตอนนั้นเด็กอนุบาลก็ต้องมารวมกลุ่มกันก่อน เพราะมันมีเด็กโรงเรียนอื่นมาด้วย เดี๋ยวพวกน้อย อาจจะโดนรังแก ความรักสถาบันอยู่ๆ มันก็ผลุดขึ้นมาเน้อ เพราะว่าเผอิญว่ามีเพื่อนมาจากโรงเรียนอื่นด้วย เรียนกันไปกันมาจากคนที่เคยได้ที่ 1 มาตลอด ก็เริ่มมาเป็นที่ 5 ที่ 6 ตกไปเป็นที่ 10 โอ้ยตอนนั้นก็เครียดเหมือนกัน ตอน ม. 3 เลยฮึดอีกครั้งจนขึ้นมาเป็น ที่ 4 จำได้ว่าเคยได้ 4.00 ครั้งหนึ่ง โครตดีใจเลย ที่ต้องฟิต เพราะจะได้โควต้าเข้า ม. 4 แบบไม่ต้องสอบ ตอนนั้นติด 1 ใน 10 มีโอกาสที่จะลองไปสอบที่อื่นก่อน แล้วถ้าเข้าไม่ได้ค่อยกลับมาเรียนต่อที่ศรียา เพื่อนๆก็ไปสอบเตรียมอุดม ติดไป3 สอบที่สาธิตจุฬา ก็ติดไปอีก เพื่อรักของเราก็เลยหายไปตั้ง 2 คนแน่ะ แต่ที่เหลือก็ยังเรียนด้วยกันนะ ม. ปลายก็เรียนๆแยะเลย เพราะว่าเป็นปีแรกที่จะใช้การ Entrance ระบบใหม่ ก็เลยไปเรียน กสน. เพื่อจะได้พยายาม Ent ตอนอยู่ ม.5 แต่เลือก รุนแรงไปหน่อย เพราะเลือก หมอมหิดล หมอจุฬา หมอรามา วิศวกรรมคอมเกษตร เหอะๆๆ ก็เลือกไปงั้นแหละอิอิ พอกลับบ้านก็ฟอร์ม บอกแม่ว่า ....."คือว่ามันไกลอ่ะ แล้วหนูก็ไม่ชอบ กทม. ด้วย" แต่จิงๆแล้วเผอิญว่าไม่ติด เหอะๆๆ แล้วก็กลับมาเรียน ม. 6 ต่อ ช่วงนันเขาฮิตถ่ายสติกเกอร์ แล้วก็ฮิตถ่ายรูปสวยๆ แบบเบลอๆ เอาไว้แจกเพื่อนทำ FriendShip เราก็ต้องโดดเรียนหลายครั้งเพราะเป็น ช่างแต่งหน้าให้เพื่อนๆ ถ่ายเกือบ 10 ครั้งก็โดดเรียน 10 ครั้ง หลังจากนั้นก็สอบติดที่วิทย์คอม ม.บูรพา เพื่อนๆกลุ่มนี้ก็อุตส่าห์ ตามติดมาเรียนด้วยกันอีก แต่เรียนคนละเอก คนละคณะ เพื่อนรักอีกกลุ่มหญ่ก็ไปเรียน กรุงเทพฯ อิอิ ตอนนั้นขี้เกียจเอ็น เพราะจำได้ว่าคะแนน เลข ได้แค่ 19 คะแนน มันไม่ถึงที่เขากำหนดไว้คือ 20 คะแนน แต่จำได้ว่าที่ติด ม. บู เพราะคะแนนสังคมได้ 75 ภาษาไทย ได้ 80 ฟิสิกส์ ได้ 65 อังกฤษ ได้ 50 เลข 16 เคมี 30 ชีวะ 30 เลยติด ม.บูรพา แล้วก็เอาเลย เพราะเดี๋ยวเอ็นระบบใหม่ ไม่ติด
เฮ้ย สรุปเพื่อนกลุ่มนี้ก็คบกันมายาวนานที่สุดคือ 6+6+4 (อนุบาล+มัธยม+มหาลัย) ก็นับว่าเป็นความทรงจำดี และความเป็นเพื่อนก็เหนียวแน่นมากขึ้นทุกครั้งๆ ไป เวลามาเจอกันก็คุยเรื่องเก่าๆ เอารูปเก่ามาเผากัน มันก็สนุกไปอีกแบบ เหอะๆๆ

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2551

ลงจากคานอีกคนหนึ่งแล้ว

สละโสดแล้วอีกราย ได้ไปงานแต่งเพื่ออีกคน ไอ้ ซี ฝาแฝดคนน้องจากพี่น้อง แฝด 3 เอ บี ซี วิ่งตัดหน้าพี่ทั้ง 2 ไปซะก่อน อิอิ พิธีแต่งงานแบบจีน มียกน้ำชา มีไหว้ แล้วก็มีงานเลี้ยงตอนกลางคืน เพื่อนก็ๆปกันพอสมควร ไม่มากนัก เพราะมันไม่ได้บอกไครมากนัก ซีเล่าให้ฟังว่า พบรักกับแฟนที่เมืองนอก ตอนที่ไปทำงาน แหม๋ ดีจัง เหอะๆๆ ลองดูแล้ว หน้าตาทั้ง 2 คน มันคล้ายๆกันยังไงก็ไม่รู้ แบบนี้จะเรียกบุพเพสัญนิวาส ไหมเน้อ ...


"ขอบฟ้าขวางกั้น บุพเพยังสรรค์ประสบ ให้ได้สบพบรักกันได้
ห่างกันแค่ไหน เขาสูงบังกั้นไว้ รักยังได้บูชา
ความรัก ศักดิ์ศรี รักไม่มีพรมแดน รักไม่มีศาสนา
แม้นใครบุญญา ได้ครองกันนา พรหมลิขิตพาชื่นใจ "

Just Married

เหอะๆ "เพื่อนแต่งงาน" เป็นเรื่องที่น่ายินดีของคนสองคน ที่จะได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน พี่กรและพี่รัตนะ เพิ่งจะแต่งงานกันไปเมื่อวาน หลังจากเป็นแฟนมา หลายปี เกือบซัก 5 ปีไดเล้วมั้ง จนถึงวันนี้พี่กร เรียนจบและทำงานแล้ว เขาจึงแต่งงานกัน เพราะทุกอย่างพร้อมกันหมดแล้ว เหอะๆ ก็อายุจะปาเข้าไป 30 แล้ว สมัยก่อนคนโบราณแต่งงานกันเร็ว แม่ก็แต่งตอน 21 ปี ถ้านับว่าเป็นตอนนี้ ก็ประมาณว่าเรียนจบปริญญาตรีก็แต่งเลย ซึ่งถ้าเป็นสมัยนี้ก็อาจจะดูว่ายังเร็ว เพราะยังไม่ทันจะตั้งตัวมีเงินเก็บก็แต่งงานซะแล้ว ถ้าคิดว่าอายุ 22 มีลูก 1 คน กว่าจะเลี้ยงมันจยจบปริญญาตรี ก็อีก 21 ปี ตอนนั้นเราก็อายุ 43 ปี เฮ้ยคิดแล้วเหนื่อย ว่า.... มันจะต้องใช้เงินกี่ล้านนะเนี่ย กว่าจะเลี้ยงลูกจนโต แถมบางปี เกิดมันเรียนช้า มันติด F มันติด Pro มัน Drop ฉันจะทำยังไง เนี่ย คิดแล้วหนื่อย เหอะๆๆ ซึ่งถ้าเปลี่ยนใหม่เป็นว่าเก็บเงิน ทำงานก่อนแล้วค่อยแต่งงาน เอาศักอายุ 30 ปี คือทำงานก่อนซัก 5 ปี ให้มีบ้าน มีรถ ก่อนแล้วค่อยแต่ง ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ตอนนั้นฉันต้องอายุ 52 ปี กว่าจะได้ไปงานรับปริญญาลูก คงจะแก่ เหี่ยว แล้วก็เวลาถ่ายรูปก็อาจจะไม่สวยเฮ้ย...เศร้า แต่คิดๆๆดูแล้ว ก็อาจจะดีกว่า ไม่ได้ไปเลย อืม... พี่กรและพี่นะก็ 29 กับ 35 สงสัยว่าคงจะรีบมีลูกเลย เพราะถ้ามีช้า โอกาสที่ลูกจะเป็นโรคเอ๋อ ออทิสติ๊ก ก็มีสูงตามไปด้วย ยังไงก็แล้วแต่ ก็คงต้องอวยพร ให้ทั้งสองรักัน เข้าใจ และให้อภัยกัน ฉันเขียนลงไปในสมุดอวยพร ของพี่ทั้งสองว่า



"บางครั้งการที่คนสองคนจะใช้เพียง เหตุผล มาคุยกันนั้น อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนัก
มันควรจะต้องใช้ ความรักและความเข้าใจด้วย เพื่อให้ชิวิตคู่นั้นไปได้ตลอดรอดฝั่ง"

วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2551

ลูกสาวตัวเล็ก

เมื่อวันที่ 4 เดือนกรกฏาคม 2550 วันชาติสหรัฐ เป็นวันเกิดของลูกสาวคนเล็ก มีนามว่า คาปูชิโน่ ตอนเกิดมาตัวเล็กมากเท่ากล่องบุหรี่ ตาโตเหมือน ET หูห้อยเหี่ยวๆ ตัวสีชมพู ขนแหล่มแหลมสีขาว ตอนนั้นไม่กล้าจับเพราะกลัวมันตาย พอโตขึ้นมา 6 เดือน ตัวโตขึ้นมาก ตอนนี้ เท่ากับขวดโออิชิชาเขียวได้แล้วมั้ง เป็นลูกสาวคนเล็ก ขี้ประจบ แล้วก็ขี้งอน ขี้แกล้ง แล้วก็เจ้าเล่ห์มาก มักจะแกล้งซิก้าเป็นประจำ แต่ลูกสาวตัวนี้ก็น่ารักมากเลย

วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2551

หมาของฉัน ปั๊ก (สามตา)

บ้านมีหมาอยู่ 2 ตัว ตัวแรกเป็นพันธุ์ ปั๊ก น้องเอามาเลี้ยง เพราะหน้าตาปัญญาอ่อนดี ตัวเล็ก และที่สำคัญคือไม่เหม็น หางมันม้วนเป็นรูปโดนัท จมูกบี้ หาโตเป็นค้างคาว ฟันเหยินๆๆ ด้วย ก็เลี้ยงมาจน 5 เดือน เริ่มรู้สึกว่า หน้าตาหมามันเปลี่ยนไป
เออลืมบอกไปว่ามันชื่อ ซิก้า ชื่อจริงว่า เจสซิก้า (แต่จริงๆแล้วมันเป็นทอม) ต่อ พอโต มันชักจะจมูกโด่ง ขายาว ขนก็ยาว มีเคราด้วย แต่สีและหาง มันก็เหมือนปั๊ก แต่หน้าตาไม่ใช่ ซนมาก เหมือนพวก ปอมเปอร์เรเนี่ย ชอบกัดเหมือนชิสุ ตอนหลังมารู้ว่า แม่เป็นปั๊ก พ่อเป็นชิสุ เลยถึงบางอ้อว่า.. มันพันธ์ผสม เลยเรียก คุณนายเจจสซิกา ว่า เป็นพันธ์ ปั๊ก (สามตา)